เจ้าหญิงมาโกะ ปฏิเสธเงิน 44 ล้านบาท ก่อนเข้าพิธีวิวาห์แฟนหนุ่ม

เจ้าหญิงมาโกะ ปฏิเสธเงิน 44 ล้านบาท ก่อนเข้าพิธีวิวาห์แฟนหนุ่ม

เจ้าหญิงมาโกะ ปฏิเสธเงินจำนวน 44 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินอุดหนุนการแต่งงาน หลังเตรียมเข้าพิธีวิวาห์กับแฟนหนุ่มในช่วงสิ้นปีนี้  เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม สำนักข่าว NHK รายงานว่า เจ้าหญิงมาโกะ พระธิดาในมกุฎราชกุมารอากิชิโนะ และพระราชนัดดาในสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ เตรียมเข้าพิธีวิวาห์กับ นายเคอิ โคมุโระ แฟนหนุ่มสามัญชน ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหาวิทยาลัย ในช่วงสิ้นปีนี้ ก่อนจะย้ายไปประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากแฟนหนุ่มจะเข้าทำงานที่สำนักกฎหมายในรัฐนิวยอร์ก

แหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหญิงปฏิเสธเงินอุดหนุนการแต่งงานสำหรับเชื้อพระวงศ์หญิงราว 44 ล้านบาท และปฏิเสธที่จะจัดงานพิธีวิวาห์ตามราชประเพณี 

ซึ่งถือเป็นสมาชิกราชวงศ์พระองค์แรกนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่สองที่ปฏิเสธการเข้าพิธีวิวาห์ตามราชประเพณี โดยเจ้าหญิงมาโกะจำเป็นต้องสละฐานันดรศักดิ์ ตามกฎมณเฑียรบาลปัจจุบันที่ระบุว่า เชื้อพระวงศ์หญิงหากแต่งงานกับสามัญชนจะต้องมีการสละฐานันดรศักดิ์

ก่อนหน้านี้ นายโคมุโระตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากปัญหาทางการเงินของมารดา ซึ่งมีประเด็นติดค้างหนี้ราวล้านบาท กับอดีตคู่หมั้น โดยมีการอ้างว่าเงินจำนวนนั้นถูกใช้เป็นค่าเล่าเรียนของนายโคมุโระ ซึ่งฝ่ายชายได้มีการออกแถลงการณ์ชี้แจงไปแล้วเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และยืนยันว่าต้องการแต่งงานกับเจ้าหญิงมาโกะเช่นเดิม ซึ่งจากประเด็นนี้ทำให้พิธีวิวาห์ถูกเลื่อนออกไปนานสองปี

ขณะที่มกุฎราชกุมารอากิชิโนะ พระบิดา ได้กล่าวไว้ว่า พระองค์ยอมรับการแต่งงานของทั้งคู่ โดยรัฐธรรมนูญระบุว่าการแต่งงานนั้นเกิดขึ้นจากความต้องการของคนสองคน ซึ่งหากนั่นเป็นสิ่งที่ทั้งคู่ต้องการ ในฐานะพ่อแม่ย่อมต้องให้การสนับสนุน

ทางการญี่ปุ่น ยืนยันว่าพบผู้ป่วย โควิดมิว แล้วสองราย เร่งหาข้อมูลเพิ่มเติม ขณะที่ WHO คาดว่า โควิดมิว สามารถหลบภูมิต้านทานได้ดีกว่าโควิดทั่วไป

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม สำนักข่าว NHK รายงานว่า ทางการญี่ปุ่นตรวจพบผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์มิวเป็นจำนวนสองรายในศูนย์กักตัวภายในสนามบินสองแห่ง โดยผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นผู้หญิงในวัย 40 ปี เดินทางจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ส่วนอีกรายเป็นผู้หญิงในวัย 50 ที่เดินทางจาก อังกฤษ ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม

โดยนายวาคิตะ ทาคาจิ ผู้อำนวยการใหญ่สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติของญี่ปุ่น ได้ออกมาออกคำสั่งให้มีการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งเขายังได้ออกมายืนยันด้วยว่าในประเทศญี่ปุ่นมีการค้นพบโควิดหลายสายพันธุ์ แต่ทางญี่ปุ่นจะให้ความสนใจกับสายพันธุ์ที่สามารถแพร่เชื้อได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ

องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ออกมาประกาศให้ โควิดสายพันธ์ุมิว (Mu) หรือ B.1.621 ให้กลายเป็นโควิดอยู่ในการเฝ้าสังเกตการณ์ หลังจากที่พบโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวแล้ว 39 ประเทศ ในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา และอาจจะเป็นไปได้ว่าโควิดสายพันธุ์นี้สามารถหลบหลีกภูมิต้านทานได้ด้วย

โดยทางองค์การอนามัยโลกระบุว่าพบการกลายพันธุ์ที่บ่งชี้ได้ถึงความเสี่ยงในการต้านทานต่อวัคซีนหลายชนิด และมีความเสี่ยงที่จะหลบหลีกภูมิต้านทานได้ ซึ่งในเอกสารระบุว่า โควิดมิว มีความคล้ายคลึงกับโควิดเบต้าที่ถูกพบในแอฟริกาใต้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกจำเป็นต้องศึกษาโควิดชนิดดังกล่าวเพิ่มเติมต่อไป

WHO ประกาศเฝ้าระวัง โควิดสายพันธุ์มิว คาดอาจหลบภูมิต้านทานได้

องค์การอนามัยโลก ประกาศเฝ้าระวัง โควิดสายพันธุ์มิว หลังมีความเป็นไปได้ว่าโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวสามารถหลบภูมิต้านทานได้

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม สำนักข่าว เดอะการ์เดี้ยน รายงานว่า องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ออกมาประกาศให้ โควิดสายพันธ์ุมิว (Mu) หรือ B.1.621 ให้กลายเป็นโควิดอยู่ในการเฝ้าสังเกตการณ์ หลังจากที่พบโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวแล้ว 39 ประเทศ ในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา และอาจจะเป็นไปได้ว่าโควิดสายพันธุ์นี้สามารถหลบหลีกภูมิต้านทานได้ด้วย

โดยทางองค์การอนามัยโลกระบุว่าพบการกลายพันธุ์ที่บ่งชี้ได้ถึงความเสี่ยงในการต้านทานต่อวัคซีนหลายชนิด และมีความเสี่ยงที่จะหลบหลีกภูมิต้านทานได้ ซึ่งในเอกสารระบุว่า โควิดมิว มีความคล้ายคลึงกับโควิดเบต้าที่ถูกพบในแอฟริกาใต้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกจำเป็นต้องศึกษาโควิดชนิดดังกล่าวเพิ่มเติมต่อไป

โควิดมิวถูกพบครั้งแรกในประเทศโคลอมเบีย เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา และนับตั้งแต่นั้นโควิดชนิดดังกล่าวก็แพร่ไปหลายทวีปนอกเหนืออเมริกาใต้ และมีการพบผู้ป่วยสายพันธุ์มิวแล้วใน สหรัฐ, ยุโรป, อังกฤษ และ ฮ่องกง แม้ว่าโควิดชนิดนี้จะคิดเป็นเพียงแค่ร้อยละ 0.1 ของผู้ป่วยโควิดทั้งหมด แต่ผู้ป่วยในโคลอมเบียและเอกวาดอร์ติดโควิดชนิดแล้วคิดเป็นร้อยละ 39 และ 13 ตามลำดับ

ซึ่งทางนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าพวกเขาอยากรู้ว่าโควิดสายพันธุ์นี้สามารถแพร่เชื้อได้ง่ายกว่าและอันตรายกว่าโควิดชนิดอื่นๆหรือไม่

Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่า